วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง ขนมโค

     5.เรื่อง ขนมโคขนมโค ขนมพื้นบ้านชาวปักษ์ใต้ คล้ายขนมต้มขาวของคนภาคกลาง เชื่อว่าเป็นขนมโบราณที่ยังคงสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ขนมโคยังมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาตร์กับพื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน จากความเชื่อของคนพื้นถิ่นที่ว่า ขนมโค เป็นขนมมงคล ใช้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือทั้งผี-พราหมณ์-พุทธ เช่น หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  พระพิฆเณศ  เป็นต้น
และคงไม่แปลกอะไร ที่ชาวบ้านจึงได้นำวัสดุท้องถิ่นมาทำเป็นขนมเพื่อบูชา แทนการใช้ขนมลาดูที่ชาวอินเดียบูชาองค์พิฆเณศ ซึ่งทางปักษ์ใต้เอง ก็มีขนมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ขนมดู ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล มะพร้าว เช่นเดียวกับขนมลาดูแต่ขนมดูนั้นยังไม่อยู่ในความรับรู้ว่า สามารถนำมาใช้บูชา บนบานองค์พิฆเณศได้หรือไม่ หรืออาจไม่เป็นที่นิยมเพราะไม่อร่อยเหมือนกับขนมโค ซึ่งได้รับความนิยมสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันมากกว่า ทำให้ความรับรู้นั้นคลี่คลาย และลืมเลือนไปอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ทางประวัติศาตร์ของขนมโคกับพื้นถิ่นใต้นั้นน่าจะสืบเนื่องมาจาก บริเวณคาบสมุทรภาคใต้  ในอดีตเป็นสะพานเชื่อมโยงการค้าระหว่างโลกตะวันออก(จีนเป็นหลัก)-ตะวันตก(อินเดีย อาหรับ โรมัน)เกิดเป็นชุมชนสถานีการค้าเมืองท่าทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน บรรดาพ่อค้าจากอินเดียและจีนเดินเรือเลียบชายฝั่งมาแลกเปลี่ยนสิ่งของ ตั้งถิ่นฐาน เช่นเมืองตะโกลา (Takola) หรือตะกั่วป่า เมืองไชยา แหลมโพธิ์ สุราษฎร์ธานี ตามพรลิงค์ นครศรีธรรมราช  ซิงก่อร่า สงขลา(บริเวณคาบสมุทรสทิ้งพระ)ในการเข้ามาของพ่อค้านัก บวช(พราหมณ์-พุทธ)จากอินเดียนั้น ได้นำลัทธิ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธ เข้ามาเผยแพร่ เกิดการผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่น(ผี) ความเชื่อเหล่านี้ได้ฝังหยั่งรากลึกลงบบผืนดินแห่งคาบสมุทร กลายเป็นวัฒนธรรมความเชื่อ การเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนถึงรูปแบบพิธีกรรมเฉพาะถิ่นใต้ขึ้น เช่นการบนบานองค์พิฆเณศ ด้วยขนมโค เป็นต้น


อ้างอิง สยามดารา สืบค้น http://www.siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=2208มปป.(22พฤศจิกายน 2556)http://4.bp.blogspot.com/-       
                                                              

เรื่อง ข้าวต้มห้อใบกะพ้อ

  4.เรื่อง ข้าวต้มห้อใบกะพ้อมปป. ระบุว่าขนมต้มใบพ้อ หรือที่เรียกกันว่า “ ขนมต้ม “ หรือ “ ต้ม ” เป็นข้าวต้มลูกโยนชนิดหนึ่งที่ทำในเทศกาลบุญชักพระของชาวใต้ และยังเป็นขนมที่ใช้ในงานประเพณีหลายๆงานในท้องถิ่นภาคใต้ ที่ใช้กันเป็นหลักคือในงานบุญออกพรรษา การตักบาตรเทโว งานชักพระ งานเดือนสิบ และงานบวชขนมต้มทำจากข้าวเหนียว เป็นข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดำก็ได้ ผัดกับหัวกะทิให้พอสุก แล้วห่อด้วยใบกะพ้อ เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายกระจับ จะเหลือก้านใบทำเป็นหางไว้สำหรับหยิบหรือ โยนใส่เรือพนมพระ ตามลักษณะของข้าวต้มลูกโยน แล้วเอาไปต้ม หรือนึ่งให้สุก ทานเป็นของหวานที่ทั้งอร่อยและอิ่มท้องด้วยต้นกะพ้อ หรือที่คนใต้เรียกว่าต้นพ้อ นี้ เป็นพืชพื้นเมืองที่มีอยู่ทั่วไปทางภาคใต้ ชึ้นอยู่ในป่าพรุ หรือตามหัวไร่ปลายนา เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม ลำต้นแตกหน่อออกเป็นกอ สูงประมาณ 1-3 เมตร ใบมีลักษณะคล้ายรูปพัด เป็นพืชที่ให้ประโยชน์ทั้งต้น ใบอ่อนใช้ห่อขนมต้ม ที่อ่อนมากๆทำแกงเลียง แกงส้ม หรือทำผักน้ำพริกได้ ใบแก่เอามาทำเครื่องจักสาน เสื่อ พัด ลูกกะพ้อเป็นยาระบาย ลำต้นเอามาทำเสารั้วได้อีกด้วยการทำต้มใบพ้อ เริ่มต้นด้วยการเตรียมใบพ้อ มาเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อนประมาณ 2-3 วัน แล้วเอาคลี่ออก รีดให้พอเรียบ ตัดแต่งให้เสมอกัน แล้วม้วนไว้หรือห่อขึ้นรูปสามเหลี่ยมไว้
อ้างอิงsiamfreestyleสืบค้นhttp://www.yiboso.com/tag/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2 มปป. ( 22  พฤศจิกายน2556 ) 

เรื่อง ไข่ปลา

   3.เรื่อง ไข่ปลา มปป. ระบุว่าจากที่แล้วนั้นเราได้พูดถึงเรื่องของขนมไทยแต่ละภาค  ซึ่งภาคที่เราได้กล่าวไปนั้น  เป็นขนมไทยของภาคเหนือนั่นเอง  ซึ่งก็มีความเป็นชาวเหนืออยู่ไม่น้อยทั้งเรื่องของส่วนผสมและวัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมไทยนั่นเอง   แต่วันนี้เราจะขอขั้นเรื่องของขนมไทยในแต่ล่ะภาคกันเอาไว้ซึ่งก็มีหลายภาคที่เรายังไม่ได้พูดถึง  แต่เราจะขอขั้นเรื่องนี้ไว้ก่อน  แต่เรื่องที่เรานำมานั้น  เป็นเรื่องที่น่าสนใจเหมือนกัน  ขนมไทยที่เรานำมาฝากกันวันนี้นั้น  คือ   “ขนมไข่ปลา”  นั่นเอง  เค้าว่าเป็นขนมไทยโบราณที่ทุกวันนี้นั้นแทบจะไม่ค่อยเห็นกันแล้ว  วันนี้เพื่อไม่ให้เพื่อนๆได้ลืมไปว่ายังมีขนมนี้นั้นอยู่  เราจึงนำเรื่องราวของขนมไข่ปลานั้นมาฝากกัน  จะได้ไม่ลืม    ว่าแล้วเราก็เข้าเรื่องกันเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลาขนมไข่ปลาไม่รู้ว่าเพื่อนๆเคยกินกันหรือเปล่าเห็นชื่ออย่างนี้นั้นไม่ได้ทำมาจากไข่ปลาจริงๆ นะ เพราะเป็นขนมนั่นเองเดี๋ยวจะงงกันไปสะก่อนว่าขนมอะไรทำมาจากไข่ปลาขนมไข่ปลาเป็นขนมพื้นเมืองของจังหวัดสุพรรณบุรี  เท่าที่รู้มาถ้าใครไปเที่ยวตลาดร้อยปีก็ลองไปหามาลองชิมกันได้ รับรองว่ามีขาย 100 %  แต่ถ้าใครยังไม่มีโอกาสไปเที่ยว มาลองทำกินเองดูบ้างจะได้รู้ว่าเรามีฝีมือหรือไม่

 อ้างอิงขนมไทย สืบค้นhttp://www.yiboso.com/tag/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2/มปป. (22 พฤศจิกายน 2556 )

  

เรื่อง ขนมลา

    2.เรื่อง ขนมลามปป.ระบุว่าขนมลาเกิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นคนคิดทำขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏเป็นที่แน่ชัดแต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นร้อยๆปี แต่จากการเล่าสืบทอดกันมาจากแม่เฒ่าของกระผมเองแม่เฒ่าเล่าว่าในอดีตเปรตที่ได้ตายไปแล้วได้มาเข้าฝันว่าตั้งแต่ตายไปแล้วทุกข์ทรมานมาก หนาวก็หนาวเสื้อผ้าไม่มีใส่ อาหารการกินก็กินไม่ได้ ไม่มีอาหารที่จะกินได้ขอให้ลูกหลานผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ช่วยทำอาหาร ผลิตอาหาร ออกแบบส่งส่วนบุญไปให้หน่อยหลังจากนั้นในความฝันเปรตจึงบอกวิธีทำขนมลาให้จนรุ่งเช้าจึงได้มาทดลองทำจนเกิดเป็นขนมลาเป็นเส้นเล็กๆเท่าเส้นด้ายเป็นผืนๆแผ่นๆใช้แทนผ้าห่ม เครื่องนุ่งห่มได้มาจนถึงทุกวันนี้แต่สมัยก่อนใช้กะลามะพร้าวใส่แป้งทอดขนมลาเพราะสมัยก่อนยังไม่มีกระป๋องที่ใช้ใส่แป้งลาเพื่อใช้ในการทอดทราบแต่ว่าตอนจำความได้ก็มีการทำขนมลาแล้ว การทำขนมลาของชุมชนบ้านหอยรากหรือบ้านศรีสมบูรณ์ ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อก่อนประมาณเกือบร้อยปีที่แล้ว จะทำเฉพาะในช่วงเทศกาลงานบุญสารทเดือนสิบของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ปัจจุบันมีการทำขนมลาตลอดทั้งปีเพราะการทำขนมลากลายเป็นอาชีพหลักอาชีพหนึ่งของชาวบ้านใน

 อ่างอิง ขนมลาหนองปากพนงสือค้น http://pnlearning.com/student/com/prawad.html
มปป. (22 พฤศจิกายน 2556)
 


เรื่องขนมเจาะหู

   1.เรื่อง ขนมจะหูมปป.ระบุว่าประเพณีวันสารทเดือนสิบเป็นประเพณีของไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีซึ่งทำกันในเดือน10สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีซึ่งทำกันในเดือน10ตรงกับวันขึ้น 14ค่ำ 15ค่ำและแรม 1 ค่ำประชาชนถือว่าเป็นช่วงแรกเริ่มเก็บเกี่ยวจึงนำเอาข้าวอาหารมาถวายพระแต่ประเพณีงานทำบุญเดือนสิบของชาวใต้เกิดจากคติความเชื่อว่าบรรพบุรุษของตนที่ล่วงลับไปแล้วบางพวกก็ไปสู่ที่ดีที่ชอบบางพวกไปสู่ที่ชั่วได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆนานาและได้รับความอดอยากอย่างแสนสาหัสอีกด้วยผู้ที่มีบาปมีกรรมต้องไปทนทุกข์ทรมานเป็นเปรตในอบายภูมิเมื่อถึงวันแรม 1 เดือน 10 จะได้รับการปลดปล่อยเปรตมาเยี่ยมลูกหลานพร้อมทั้งรับส่วนกุศลที่ลูกหลานอุทิศให้และ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันที่ส่งเปรตกลับยมโลกลูกหลานจึงทำบุญเลี้ยงส่งอีกครั้งหนึ่ง ก่อนถึงวันทำบุญชาวบ้านจะเตรียมทำขนมเดือนสิบซึ่งเป็นขนมที่ทำขึ้นที่ใช้ในการทำบุญสารทเดือนสิบ หรือทำบุญชิงเปรตสำหรับขนมเจาะหูนี้เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นเพื่อใช้ในการทำบุญสารทเดือนสิบหรือทำบุญชิงเปรตมีลักษณะคล้ายสตางค์แดงสมัยก่อนเปรตจะนำไปใช้ในเมืองนรกแทนเงินหรือเป็นเครื่องประดับ
   
อ่างอิง  bloggangสือค้นhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gunpung&month=09-          2011&date=18&group=19&gblog=5มปป. (22 พฤศจิกายน 2556)